แอมป์กีตาร์ไฟฟ้า
- Guitar
Amplifiers
ในเรื่องแอมป์ของกีตาร์ไฟฟ้านั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะการขยายเสียงของแอมป์แต่ละตัวนั้นจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แอมป์มีหลายยี่ห้อ หลายขนาด การออกแบบของแต่ละรุ่นก็ไม่เหมือนกัน โดยขึ้นอยู่กับความพึงพอใช้ของผู้ใช้
สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกในการพิจารณาซื้อแอมป์สำหรับกีตาร์ คือ ขนาดและประเภท เพราะขนาดของแอมป์ จะบ่งบอกว่าเราจะเอาไปเล่นในที่แบบไหน และเพื่อจุดประสงค์อะไร หากเราเอาไว้ซ้อมที่ห้อง ขนาดก็ไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก วัตต์ก็ไม่ต้องเยอะ แต่หากว่าเราเอาไปเล่นเป็นวงที่มีกลองจริง แอมป์ก็จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะสู้กับเสียงกลอง เสียงร้อง หรือเบส และคีย์บอร์ดได้
แบ่งขนาดแอมป์กีตาร์เป็น 4 ขนาด คือ ใหญ่ กลาง เล็ก และขนาดแบบเล็กจิ๋ว ความต่างในแต่ละขนาดคือ ความดัง (กำลังวัตต์ขยาย) (ขนาด คือ จำนวนของลำโพง)
1.ขนาดใหญ่ คือ ความดังในระดับที่มากที่สุด 100 วัตต์ขึ้นไป ใช้ลำโพง 12 จำนวน 2-4 ดอก อาจเป็นแบบหัวแยกหรือคอมโบ(แบบรวมในตู้เดียว) เหมาะกับใช้เล่นบนเวทีกลางแจ้ง หรือเวทีใหญ่ๆ ซึ่งต้องการความดัง อาจจะมีการใช้หลายๆ ตู้ โดยการพ่วงกัน
2.ขนาดกลางๆ คือ ไม่ดังมาก ขนาด 50-100 วัตต์ ลำโพง 10-12 นิ้ว ติด 1-2 ตัว /ตู้ ใช้เล่นที่เล็กลง อย่างร้านอาหาร ผับที่ไม่ใหญ่มาก วงที่เล่นไม่ดังมาก
4.ขนาดจิ๋ว คือ แอมป์หูฟังทั้งหลาย ใช้เล่น ซ้อม โดยไม่ให้เสียงรบกวนคนอื่น หรือไม่ต้องการให้เกิดเสียงดังมากเกินไป พกพาสะดวก ใช้ถ่าน
สำหรับแอมป์ขนาด ระดับใหญ่-กลาง มักจะใช้ผสมกันอยู่แล้วแต่วงดนตรีแต่ละวง ขึ้นอยู่กับนักดนตรีว่าต้องการให้เสียงที่เล่นดังแค่ไหน
ประเภทของแอมป์ มี 2 อย่าง คือ แอมป์หลอด และทรานซิสเตอร์ ส่วนใหญ่แอมป์จะเป็นแบบทรานซิสเตอร์ และหลอดล้วน หรือผสมกัน แต่ราคาแอมป์หลอดก็จะสูงกว่าแอมป์ทรานซิสเตอร์ เป็น2 เท่า เพราะผลิตจำนวนน้อยกว่า
แอมป์กีตาร์ที่ดีควรมีอะไรบ้าง?
หากเราไม่มี Effects ใช้ แอมป์กีตาร์ที่มีก็ต้องจำเป็นให้ครบทุกอย่าง ทุกส่วนประกอบ แต่หากมือกีตาร์มี Effect เป็นแผงอยู่ตรงพื้นแล้วล่ะก็ แอมป์ channel เดียวก็เพียงพอ แต่แอมป์กีตาร์ที่ผลิตมาขายไม่ได้คิดอย่างที่ว่ามา เลยให้มา 2 channel เป็นส่วนใหญ่ ส่วน Effect ก็มีบ้างไม่มีบ้าง แล้วแอมป์ที่ให้ครบทุกอย่างเป็นอย่างไร?
1. เป็นสิ่งที่สำคัญมากคือต้องมีเสียงที่ดี
2. ควรมี 2 Channel สำหรับเสียงคลื่นธรรมดา
กับ เสียงแตกOverdrive-Distortion พร้อม Volume แยกแต่ละ Channel ปุ่มปรับTone ทุ้ม กลาง แหลม ทั้ง 2 Channel ยิ่งมีให้ปรับมากยิ่งดี
3. มี Master Volume สำหรับความดังโดยรวม ซึ่งจะเร่งไปทั้ง 2 Channel
3. มี Master Volume สำหรับความดังโดยรวม ซึ่งจะเร่งไปทั้ง 2 Channel
4. มี Effect ให้เพียงพอกับการเล่นทั่วไป คือ Reverb
- Delay - Chorus อื่นๆ ของแถม คือ ช่อง CD IN , ช่องเสียบหูฟังสำหรับซ้อม
, ช่อง Line out , มีช่อง Loop
Effect Send-return , Speaker out สำหรับต่อลำโพงเพิ่ม
เพื่อให้ดังขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น